top of page

ม.ล.ปริญญากร วรวรรณ


ที่มั่นสุดท้าย - เป็นที่ดำรงชีวิตที่ซึ่งเราคงถอยไปไหนไม่ได้อีกแล้ว เหมือนทหารในสนามรบที่ต้องปกป้องที่มั่นนี้จนสุดชีวิต หากไม่แล้วการมีชีวิตอยู่คงไม่มีความหมายอะไร


เป็นคำบอกเล่าของพี่เชนครั้งหนึ่งเมื่อเราได้พบกัน มันวนเวียนอยู่ในหัวของผมไม่ไปไหน ตั้งแต่นั้นผมถามตัวเองเสมอว่าผมจะทำอย่างไรเพื่อปกป้องที่มั่นสุดท้ายของตัวเอง


สมรภูมิที่ไม่มีใครอยากพ่ายแพ้




1.

ความรู้สึกที่ต้องนั่งเบียดกันอยู่ 4 คนในซุ้มบังไพรเล็กๆกลางป่าห้วยขาแข้งต่อเนื่องกันหลายชั่วโมงเป็นความรู้สึกที่อธิบายไม่ถูก ทั้งตื่นเต้น อึดอัด หงุดหงิด หิว ร้อนอบอ้าว เบื่อหน่ายปะปนกันไป ความอุดอู้ในที่บังไพรผ่อนคลายลงบ้างเมื่อลมลอดผ่านช่องเล็กๆ เป็นช่องเดียวกับที่ผมใช้เฝ้ามองออกไปภายนอก ผมเห็นลำน้ำห้วยขาแข้งไหลผ่านด้านหลังเป็นหน้าผาสูง และได้กลิ่นเน่าของซากสัตว์เมื่อลมโชยมา เรากำลังเฝ้าดูผลงานของเสือโคร่งที่ทำไว้เมื่อหลายวันก่อน มันใช้ความสามารถ เล่ห์เหลี่ยม และความชำนาญในอาณาเขตของมัน ล่อให้ควายป่าตกหน้าผาโดยไม่ต้องลงมือ พี่เชนเล่าให้ฟังว่าควายตัวนี้ขนาดใหญ่กว่าเสือ ถ้าสู้กันซึ่งๆหน้าคงมีบาดเจ็บกันบ้าง แต่เสือใช้วิธีขู่คำราม หลอกล่อ ก่อกวน ต้อนให้ควายเดินไปตามทางที่มันกำหนด กระทั่งมาจนมุมที่หน้าผาโดยไม่มีทางถอยหนี ในนาทีแห่งการต่อสู้ควายตัวนี้พลัดตกลงมาจบชีวิตที่ลำธารเบื้องล่าง


ชีวิตในป่าเป็นเช่นนี้ล่าและถูกล่า


เฝ้ารอยู่หลายชั่วโมงแต่ไม่มีอะไรเกิดขึ้น ความหงุดหงิดรำคาญเพิ่มมากขึ้น ทุกสิ่งเหมือนสงบนิ่งไม่เคลื่อนไหวแต่ใจผมทุรนทุรายอยากออกไปข้างนอกสูดอากาศเข้าลึกๆ สูบบุหรี่สักมวน ดื่มน้ำ ล้างหน้าให้สดชื่น แต่ต้องทนกับแมลงหวี่ตอมหูตอมตา ความร้อนอบอ้าว และปลายทางที่มองไม่เห็น ผมทำอะไรได้ไม่มากไปกว่าการนั่งอยู่เฉยๆสงบจิตสงบใจ ก็เมื่อไม่มีใครบังคับให้มา อยากดิ้นรนมาเองเพื่อรับรู้รสชาติของการเป็นช่างภาพสัตว์ป่าก็ต้องอดทนเฝ้ารอ


ขณะที่ช่างภาพที่นั่งอยู่ข้างหน้าผมสงบนิ่ง มองจากด้านหลังเหมือนเขากำลังนั่งวิปัสสนาสมาธิราวกับจะเป็นต้นไม้ต้นหนึ่งกระทั่งเป็นก้อนหินก้อนหนึ่ง แม้ลมแรงแดดแผดเผาหรือฝนตกกระหน่ำก็ไม่ขยับเขยื้อนไม่กระทั่งรู้สึกทุกข์ร้อนใดๆ บางครั้งเขาแนบตามองผ่านกล้องติดเลนส์เทเลโฟโต้ที่ตั้งบนไตรพอด บางทีเขาคงคิดอะไรบางอย่าง อาจจะกำลังคาดเดาบางสิ่งที่จะเกิดขึ้น หรือไม่ก็สนทนากับตัวเอง

เวลาในป่าผ่านไปอย่างช้าๆ


ช้ามาก


ในความเงียบยาวนานครั้งหนึ่งพี่เชนเล่าเรื่องการทำงานเป็นทีมของนกที่ร้องเตือนภัยกันเป็นทอดๆ หรือการมาเยือนของงูและหมาไนที่เข้ามาเยี่ยมชมเพราะความสงสัยในบังไพร แต่การมาแต่ละครั้งของสัตว์ป่าหากพลาดพลั้งอาจนำพามาซึ่งชีวิต เขาจำต้องข่มใจปล่อยให้งูจงอางเลื้อยผ่านขาไปโดยไม่ขยับเขยื้อน หรือคว้ามีดไว้ในมือเตรียมพร้อมหากหมาไนที่เดินออกจากฝูงทะลึ่งจู่โจมเข้ามาในบังไพร แต่สองเหตุการณ์นั้นก็ผ่านไปด้วยดี สรรพชีวิตเคลื่อนต่อไปโดยไม่มีการสูญเสีย ในบางครั้งบางคราวความนิ่งเป็นทางรอดที่ดีที่สุด


ความตื่นเต้นของผมเกินขึ้นในความเงียบขณะที่ลมสงัด ไม่มีเสียงนก เราได้ยินเสียงสัตว์บางชนิดลุยน้ำเข้ามาเหมือนตัวละครเดินเข้ามาในฉากของโรงละคอน ในราวเที่ยงวันสัตว์ 2 ตัวเดินลุยน้ำเคียงกันมุ่งตรงไปที่ซาก แม้ไม่ใช่พระเอกที่เรารอคอยแต่ตัวประกอบของละคอนเรื่องนี้ทำให้เราตื่นตัวมองเขม็งไปที่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นพร้อมๆกัน


"เหี้ย 2 ตัว"


พี่เชนพูดเบาจนเกือบไม่ได้ยินในที่ซ่อนตัวอันอุดอู้ สิ่งที่เพิ่มเติมเข้ามาเห็นจะมีเพียงความตื่นเต้นที่ปะปนเข้ามาในบรรยากาศ


เราผลัดกันเฝ้ามองมื้อกลางวันของเหี้ยผ่านวิวฟายเดอร์ด้วยความตื่นเต้น ไม่นานตัวที่ 3 ก็เข้ามาสมทบ

มื้อกลางวันค่อนข้างนาน และเหมือนไม่จบลงง่ายๆ บางครั้งเหี้ยบางตัวเงยหน้าขึ้นมาพร้อมคราบเลือดที่ติดอยู่ที่ส่วนหัว ชะเง้อมอง ระวังภัย ไม่มีการขัดจังหวะไม่มีการต่อสู้หรือแก่งแย่งจากสัตว์กินซากชนิดอื่น จะมีทะเลาะเบาะแว้งกันเองบ้างแต่ก็เป็นช่วงเวลาสั้นๆ อาหารยังมีอีกมากมาย


ความตื่นเต้นคลายลงในเวลาไม่นานเมื่อต้องเฝ้ามองฉากซ้ำๆ และกลายเป็นความเบื่อหน่ายอีกครั้ง เหงื่อเริ่มซึมพร้อมๆกับแสงแดดที่กดทับลงมา ผมเริ่มเมื่อยและอยากหาที่ทางขยับขยายให้ร่างกายได้ผ่อนคลาย


2.

การเข้าไปถ่ายภาพช่างภาพสัตว์ป่าในป่าเริ่มต้นจากความสงสัยอยากรู้ของช่างภาพเมืองว่าช่างภาพสัตว์ป่าที่ทำงานมายาวนาน มีผลงานตีพิมพ์ที่ส่งตรงมาจากป่าดงเขียนด้วยลายมือผู้นี้ทำงานอย่างไร มีชีวิตอย่างไรในป่า ไม่มีการตอกบัตรลงเวลาแต่ขึ้นตรงกับดวงอาทิตย์และกาลอากาศ เข้าเฝ้าสังเกตุและเข้าใจในพฤติกรรมของเพื่อนสัตว์ป่าและสื่อสารเพื่อให้มนุษย์ในป่าคอนกรีตได้เข้าใจอะไรๆบ้าง จากความอยากเห็นกลายมาเป็นอยากมีส่วนร่วมในการนำเสนอเรื่องราวของคนทำงานที่อุทิศชีวิตให้กับสิ่งที่ตนรัก


เมื่อโทรนัดหมาย ม.ล.ปริญญากร วรวรรณเพื่อทำสกู๊ปชิ้นหนึ่งลงนิตยสาร OPEN (ปี 2001) ตกลงกันไว้ว่าจะรบกวนการทำงานของพี่เชนให้น้อยที่สุด เพียงเข้าไปเห็นพื้นที่และวิธีการทำงานจริง


ปลายฤดูฝนเป็นเวลาที่เหมาะเจาะ พี่เชนนัดหมายให้เราไปพบกันที่จังหวัดอุทัยธานีปากทางเข้าป่าห้วยขาแข้ง บ่ายวันนั้นเราพบพี่เชนที่ตลาด หลังจากซื้อเสบียงและดื่มกาแฟที่ร้านเล็กๆข้างทางเรามุ่งหน้าเข้าป่าทันที เราพักแรมคืนแรกที่หน่วยรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ที่นั่นเจ้าหน้าที่ต้อนรับเราอย่างดี เรานั่งล้อมวงกินข้าวเย็นพร้อมพี่เจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่า พวกเขาพูดคุยกันสนุกสนานเฮฮาหยอกล้อกันระหว่างเพื่อน พี่เชนบอกว่ามันเป็นเรื่องที่เล่าซ้ำแล้วซ้ำเล่าแต่มันยังคงสนุกอยู่ดี แน่นอนมันมีเรื่องราวของผีๆสางๆอยู่ด้วย แต่คราวนี้เป็นวิญญาณรักของหญิงสาวที่ตามมาปรนนิบัตรสามี ทั้งขนลุก และตื้นตันใจ ตรงกลางวงเป็นอาหารเย็นที่อร่อยมาก ปกติสมัยเที่ยวป่ากับเพื่อนอาหารที่ทำกินกันมักจะเป็นอะไรพื้นๆเช่นยำปลากระป๋อง ไข่เจียว ยำกุนเชียงและข้าวสวยร้อนๆ แต่คราวนี้เหมือนเป็นพ่อครัวระดับอาชีพผมตักกินกับข้าวสวยร้อนๆ อย่างเอร็ดอร่อย ถามพี่พิทักษ์ป่าที่เป็นพ่อครัวว่านี่คืออะไร เขาบอกว่าไม่อยากบอกเดี๋ยวกินไม่ลง มารู้ภายหลังว่ามันคือหลนปลาร้า ทั้งหอม ทั้งอร่อย คืนนั้นผมนอนหลับสบายแม้จะมีเรื่องวิญญาณหญิงสาวอยู่ในความคิดบ้าง แต่ความเย็นชื้นของอากาศ ความเหนื่อยล้า และพลังของป่าทำให้ผมหลับอย่างรวดเร็ว


เช้าวันรุ่งขึ้นหลังจากเตรียมตัวจัดข้าวของและอุปกรณ์ที่จำเป็น เราเดินเข้าไปในป่ายังจุดบังไพรที่พี่เชนกับพี่พิทักษ์ป่าเตรียมไว้แล้วเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา การเดินทางไม่ยากลำบากมากเพราะพี่เขาเลือกตำแหน่งที่ไม่ไกลเกินไปสำหรับคนเมืองกรุงเทพ การเดินป่าสองสามชั่วโมงผ่านป่าทึบ หาดทราย และลำห้วย เป็นไปด้วยความรื่นรมย์และหยดเหงื่อ ผมมีเพียงกระเป๋ากล้องใบเดียวบรรจุกล้อง1ตัว เลนส์ 2ตัว และฟิล์มขาวดำจำนวนหนึ่ง เรามาถึงบังไพรในตอนสายและหลบหายเข้าไปในที่ซ่อนอย่างเงียบงัน

ตั้งใจที่จะมาเฝ้ารอดูฉากของชีวิต ที่พี่เชนเล่าให้ฟังเมื่อคืนที่ผ่านมา


บ่าย หลังจากที่นั่งเฝ้ารออยู่ค่อนวันเราไม่เห็นพระเอก สัตว์ทำตามสัณชาตญาณ และความต้องการของเขา ลงมาดื่มน้ำ กินดินโป่ง นอนเล่นกับผีเสื้อ หรือนัดมาพรอดรักกัน ล้วนเกิดจากการคาดคะเนของช่างภาพที่รู้จักลักษณะนิสัย และฤดูกาลของสัตว์แต่ละชนิดอย่างถ่องแท้ ช่างภาพทำหน้าที่เป็นเพียงคนสังเกตุการณ์ จดบันทึกซึ่งไม่สามารถเข้าไปสอดแทรกอะไรได้ จะทำได้มากกว่านั้นก็เพียงภาวนาให้มีโชคในแต่ละวันที่รออย่างเงียบงัน อาจเป็นสัญชาตญาณระวังภัยเสือโคร่งจึงไม่ปรากฏกายให้พบเห็น เราจึงตัดสินใจเดินทางกลับที่พักเร็วกว่าเวลาปกติเมื่อเทียบกับเวลาทำงานปกติของช่างภาพสัตว์ป่า ขณะเดินทางกลับเราแวะถ่ายภาพเป็นระยะ กลางลำห้วยขาแข้ง หาดทราย ป่าไผ่ ผมชอบรูปป่าไผ่เป็นพิเศษเพราะไผ่มีขนาดใหญ่มากและยอดโค้งของมันโน้มเข้าหากัน ผมวิ่งไปดักรอด้านหน้ารอให้พี่เชนซึ่งแบกขาตั้งกล้องบนบ่าเดินลอดใต้ซุ้มไผ่คล้ายนักบวชเดินผ่านโบสถ์วิหาร บางคราวหยุดเดินเพราะเห็นรอยเสือ วัดจากรอยเท้าขนาดของมันคงใหญ่มิใช่น้อย



3.

ภาพถ่ายของพี่เชนไม่ได้เน้นสัตว์ป่าเป็นการเฉพาะแต่สัตว์ป่าจะกลมกลืนไปกับสภาพแวดล้อมเพราะสัตว์เป็นส่วนหนึ่งของป่า เราจะเห็นสภาพที่อยู่อาศัยของมันด้วย สัตว์ป่าและป่าเป็นหนึ่งเดียวกัน แม้เทคโนโลยีของกล้องถ่ายภาพจะพัฒนาจนสามารถถ่ายภาพกลางคืนได้อย่างมีประสิทธิภาพ และสามารถทำให้ช่างภาพถ่ายภาพในสิ่งที่เขาเองก็มองไม่เห็น แต่พี่เชนยังยืดถือสิ่งที่เห็นจริงด้วยตาเป็นหลัก คือเห็นอย่างไรก็ถ่ายทอดเรื่องราวไปตามนั้น ถ้าแสงไม่พอมองไม่เห็นก็ไม่ถ่ายภาพ ภาพกระทิงบางตัวตะคุ่มอยู่ในเงามืดของแสงสนธยา เสือบางตัวพลางอยู่ท่ามกลางความรกชัฏของป่า ถ้าไม่สังเกตุอาจมองไม่เห็นเหมือนกับในสภาพแสงและความเป็นจริงของป่า ขณะมองดูภาพถ่ายของพี่เชนเราจะรับรู้ถึงบรรยากาศแวดล้อมไปด้วย

เมื่อสภาพความเป็นจริงมืดภาพถ่ายก็มืด จะถ่ายให้สว่างคงทำได้แต่มันไม่ใช่หนทาง แม้จะเปลี่ยนเครื่องมือเป็นดิจิตอลแล้วแต่ยังควบคุมกล้องด้วยระบบแมนนวล ความไวแสงของกล้องยังยืนยันใช้ระบบความไวแสงของฟิล์มที่คุ้นเคยโดยตั้งความไวแสงที่กล้องไว้ที่ iso200 นั่นหมายถึงเขาพยายามพึ่งพาเทคโนโลยีให้น้อยที่สุด และวางความหวังไว้บนความเป็นมืออาชีพของตัวเอง


ความงามที่พี่เชนมองไม่ใช่ความคมชัดของภาพถ่ายแต่เป็นภาพชีวิตและความเป็นจริงที่อยู่ในนั้น


4.

หลายปีต่อมาเมื่อนั่งคุยกันพี่เชนยังคงพูดน้อย สั้นๆเหมือนงานเขียนของเขาที่บทพรรณนามีไม่มากนัก ไม่เยิ่นเย้อในคำบรรยาย เขามักเล่าเรื่องด้วยความกระชับสั้น สุภาพ ให้เกียรติเพื่อนร่วมงานและไม่โอ้อวดเป็นบุคคลิก บางครั้งขณะอ่านงานเขียนของพี่เชน ผมรู้สึกเหมือนเขากำลังเล่าการสนทนาภายในกับตัวเองให้ฟัง


“ที่มั่นสุดท้ายในฐานะช่างภาพ ของพี่คือที่ไหนครับ” ผมถามเมื่อเรามีโอกาศคุยกันริมน้ำลำตะคอง


“สำหรับช่างภาพสัตว์ป่าก็คือผืนป่าที่เป็นบ้านหลังสุดท้าย มันไปไหนไม่ได้แล้วหละ เหมือนสัตว์ป่าที่ต้องปรับตัวถ้าเกิดความเปลี่ยนแปลง ผมเองก็ต้องปรับตัวจะอยู่เหมือนเดิมไม่ได้ หนังสือพิมพ์ นิตยสารบางเล่มปิดตัว ตอนนี้ผมก็เข้าไปอยู่ในโลกเสมือน แต่มันก็มีจุดหนึ่งที่เรารู้สึกว่ามันได้เท่านี้ให้เปลี่ยนมากกว่านี้คงไม่ได้... แล้วนิวเป็นยังไงบ้าง...” พี่เชนตอบคำถามราวกับว่ามันตกตะกอนมานานแล้วและถามถึงสถานการณ์ชีวิตของช่างภาพรุ่นน้อง


เรานั่งคุยแลกเปลี่ยนเรื่องการถ่ายภาพถึงเทคนิคต่างๆในการควบคุมกล้อง รวมไปถึงศักยภาพของร่างกายและสายตาที่ล้าลงตามวัย เพียงผมรู้สึกได้ว่าความมุ่งมั่นและPassionยังเหมือนเดิม

แม้จะเข้าใจสถานการณ์และความเป็นไปของโลก ช่างภาพรุ่นผมยังต้องต่อสู้กับโจทย์เดิมๆที่ช่างภาพรุ่นก่อนๆเคยพบมา เมื่อถึงคราวของผมบ้างผมจะยืนหยัดต่อสู้อย่างไรให้สมศักดิ์ศรี สง่างาม ท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยี เงื่อนไขของวัย และเวลา ด้วยวิธีการไหน อย่างไร คำตอบยังอยู่ในสายลม หรืออาจจะไม่มีเลยก็เป็นได้


“ช่างภาพใหม่ๆมีมากมาย เดี๋ยวนี้การเป็นช่างภาพไม่ใช่เป็นเรื่องยากอีกต่อไปแล้ว... บางทีใช้กล้องไม่คล่องแต่ถ่ายสวยๆกันหมด ถ่ายรูปสวยไม่ได้หมายความว่าเป็นช่างภาพ สำหรับผมช่างภาพไม่ได้อยู่ที่การได้ภาพสวยอีกต่อไปแล้ว แต่มันคือทัศนะในการบอกเล่า มุมมอง เทคนิคการนำเสนอเรื่องราว และเป็นตัวของตัวเอง เหมือนในต่างประเทศที่มีการแข่งขันสูงเป็นอย่างนี้มานานแล้ว” พี่เชนขยายความเมื่อผมถามถึงช่างภาพจะทำอย่างไรได้ในภาวะปัจจุบัน


พี่เชนยังคงทำงานในป่าเป็นหลัก สามปีที่ผ่านมาทำงานอยู่ทุ่งใหญ่นเรศวรฝั่งตะวันตก ปัจจุบันกำลังทำงานต่อเนื่องบนผืนป่านเรศวรฝั่งตะวันออก เป็นสิบๆปีมาแล้วที่ช่างภาพคนนี้อยู่บ้านสิบกว่าวันที่เหลือเดินทางเข้าไปทำงานในป่า


5.

หลังเดินกลับมาถึงตลิ่งสูงที่ตั้งแค้มป์ในช่วงเย็นก่อนอาทิตย์จะลับ เราเตรียมที่ทางเพื่อพักผ่อนในแสงสุดท้ายของวัน แดดเย็นสีเหลืองอ่อนสาดทอเข้ามาผ่านม่านควันไฟเห็นเป็นลำแสง เสียงลมพัดผ่านยอดไม้ เสียงน้ำในลำห้วยแว่วปนไปกับเสียงนก กลิ่นใบไม้ และกลิ่นควันไฟ ผมถ่ายภาพพี่เชนไว้รูปหนึ่งขณะที่เขากำลังนั่งอยู่บนเปลอย่างรื่นรมย์ เป็นช่วงเวลาของการรอคอยบนรอยต่อระหว่างกลางวันที่เราทำงานด้วยความมุ่งมั่นหลงไหลและกลางคืนของการผ่อนคลาย


เราก่อกองไฟ เตรียมที่นอน รอฟังเรื่องเล่า แลกเปลี่ยนพูดคุยท่ามกลางความสงัดของป่า ดวงดาว และกองไฟ


*เผยแพร่ครั้งแรกที่นิตยสารไรท์เตอร์


ภาพพอร์ทเทรทและความเรียง : ศุภชัย เกศการุณกุล

70 views0 comments