ฤทธิกร มหาคชาภรณ์
บรรณาธิการบริหารสำนักข่าวออนไลน์ Voice TV
นักโบราณคดี
แชมป์เป็นหลายตำแหน่งที่ Voice TV เป็นผู้จัดการทั่วไป เป็นบรรณาธิการบริหารสำนักข่าวออนไลน์ และเป็นรองผู้อำนวยการสถานี ก่อนที่จะมาเป็นหลายอย่างตามตำแหน่งข้างต้น เขาเคยอยากเป็นนักโบราณคดี เพราะเรื่องเล่าการผจญภัยของคนในตระกูลโจสตาร์ จากมังงะญี่ปุ่น โจโจ้ ล่าข้ามศตวรรษ ของ ฮิโรฮิโกะ อารากิ ต่างจากคนรุ่นก่อนหน้านี้ที่มี อินเดียน่า โจนส์ ของสตีเวน สปีลเบิร์ก และจอร์จ ลูคัส เป็นต้นแบบ เริ่มจากมังงะ ไปสู่ประวัติบุคคลสำคัญ ต่อด้วยวรรณกรรม พื้นฐานการอ่านทำให้เขารู้จักโลกกว้างขึ้น พินิจพิเคราะห์ มีเหตุผลในการตัดสินใจหลายครั้งในชีวิต และเท่าทันอารมณ์ความรู้สึกของตัวเอง แม้ว่าในวัยเด็กเขาต้องใช้เวลาตามลำพังเป็นส่วนใหญ่ แต่เขาก็เติบโตมาอย่างดี การเรียนนั้นไม่ต้องพูดถึง ขนาดเรียนๆ เล่นๆ หลับๆ เขายังได้ที่สองของห้องเสมอจนครูตั้งข้อสงสัย
โจโจ้ ล่าข้ามศตรวรรษสนุกแค่ไหนไม่แน่ใจแต่มันมีพลังพอที่จะทำให้เด็กคนหนึ่งตั้งใจเรียน ชอบอ่านหนังสือ และพยายามสอบเข้าคณะโบราณคดี มหาวิทยาลัยศิลปากร ที่ซึ่งเขาหวังว่าสักวันหนึ่งเมื่อเรียนจบ เขาจะเดินทางไปทั่วแผ่นดิน เพื่อพลิกดินขุดค้นเปิดหน้าประวัติศาสตร์ชิ้นสำคัญ
ชีวิตในมหาวิทยาลัยได้เปิดโลกการอ่านของเขาให้กว้างขึ้นไปอีกจากการพูดคุยแลกเปลี่ยน วิจารณ์วรรณกรรมในวงเหล้า เขาเริ่มเสาะหาหนังสือ และอ่านอย่างลงลึก ซึ่งเข้ากันดีกับวิชาเรียนที่ต้องอ่านค้นคว้าจนเป็นนิสัย แต่ในวรรณกรรม นิยาย และมังงะ มีตอนหักมุมเสมอ เพราะจนเรียนจบเขาก็ไม่ได้เป็นนักโบราณคดีอย่างที่ตั้งใจ เพราะดันไปเลือกภาษาอังกฤษเป็นวิชาเอก แม้ความตั้งใจอยากเป็นเหมือนพระเอกในมังงะ โจโจ้ ล่าข้ามศตวรรษ จะถูกฝังกลบไปแต่สิ่งที่โบราณคดีเอกอังกฤษปลูกฝังเขาต่อมาคือ นักโบราณคดีมีหน้าที่ค้นคว้าหาข้อมูล และตั้งสมมติฐานจากข้อมูลที่มีอยู่ หากมีข้อมูลใหม่ที่มีเหตุผลมากพอ การตีความแบบใหม่จากมุมมองอื่น ความจริงที่เคยเป็นอยู่ย่อมเปลี่ยนแปลงได้เสมอ ดังนั้นอย่างปักใจเชื่อ แต่ให้พร้อมที่จะรับข้อมูลใหม่อยู่เสมอ
นักข่าว
เมื่อไม่สามารถขุดพลิกผืนดินหาความจริงเพื่อเล่าประวัติศาสตร์ในฐานะนักโบราณคดีได้ แชมป์เปลี่ยนพื้นที่ทำงานไปในอีกรูปแบบหนึ่งแต่ยังคงอยู่ในพื้นที่ของงานสารคดีและประวัติศาสตร์ซึ่งเป็นสิ่งที่เขาสนใจ เขาเลือกไปฝึกงานในฐานะนักข่าวและฝึกทำงานเขียนที่หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ เซคชั่นจุดประกาย ซึ่งเป็นที่ประสิทธิ์ประสาทวิชางานเขียนอย่างจริงจัง จากนั้นด้วยความสันทัดภาษาอังกฤษเขาขยับไปเป็นผู้สื่อข่าวต่างประเทศที่หนังสือพิมพ์เดอะเนชั่น
อาจจะเป็นคลิเช่ในภาพยนตร์หลายเรื่องที่ตัวละครตกอยู่ในสถานการณ์ที่เปลี่ยนชีวิตโดยบังเอิญในชีวิตจริงก็ไม่ต่างกันนัก ด้วยความเป็นวัยรุ่นเลิกงานแล้วยังไม่อยากกลับบ้านเช่า แชมป์ใช้เวลานั่งท่องไปในโลกอินเตอร์เน็ต อ่านข้อมูลที่ออฟฟิศ แล้วค่ำวันหนึ่งมีรุ่นพี่ซึ่งเป็นโปรดิวเซอร์ต้องการผู้ช่วยเพื่อถ่ายวิดีโอในสตูดิโอ ซึ่งตอนนั้นในออฟฟิศเหลือแชมป์อยู่คนเดียว เขาอาสาไปช่วยควบคุมกล้องถ่ายทอดสด ซึ่งไม่เคยทำมาก่อน เขาเรียนรู้ในตอนนั้นผ่านการทำงานจริง แล้วก็พบว่ามันเป็นเรื่องสนุกไม่น้อยที่สามารถเล่าเรื่องผ่านงานเขียนและภาพในเวลาเดียวกัน เขาใช้เวลาฝึกฝนการถ่ายภาพ การตัดต่อ และการเล่าเรื่องโดยอาสาช่วยงานรุ่นพี่ที่ออฟฟิศ โดยใช้เวลาไม่นานนักเขากลายเป็นนักข่าวที่ถ่ายวิดีโอและตัดต่อได้ด้วย และต่อมาได้รับผิดชอบรายการในฐานะโปรดิวเซอร์รายการ Inside Asia ของ Asian TV ในเครือเดอะเนชั่น โดยทำหน้าที่เป็นโปรดิวเซอร์ เขียนบท ถ่ายภาพ ตัดต่อ ทั้งหมดด้วยตัวคนเดียว
แชมป์เก็บเกี่ยวประสบการณ์ต่อมาที่ ไทยพีบีเอส เขากลับไปเป็นนักข่าวภาคสนามทำงานอย่างบ้าคลั่ง ในช่วงเวลาที่พลังของวัยหนุ่มเหมือนไม่มีวันเหือดหาย เขาบอกว่าทำงานแบบชนิดที่ผ้าเช็ดตัวไม่เคยแห้ง เลิกงานดึกดื่นกลับบ้านอาบน้ำนอน เช้าตรู่ตื่นมาอาบน้ำออกไปทำงาน ผ้าเช็ดตัวที่ตากไว้เมื่อคืนยังไม่ทันแห้ง เมื่อรู้ตัวอีกทีพลังที่สะสมไว้ก็ถึงวันแห้งเหือด เขารู้สึกเบิร์นเอ้าท์ เหนื่อยและความคิดสร้างสรรค์ค่อยๆ น้อยลง เขาหมดไฟที่จะทำงานต่อไป แต่แล้วจังหวะชีวิตก็เหมือนให้โอกาสเขาอีกครั้ง, วันคืนแห่งโชคชะตา, แม่ของเขาให้เงินทุนก้อนหนึ่ง พร้อมบอกว่าลูกชายว่าจะเอาไปทำอะไรก็ได้ เพราะมันเป็นของลูกแล้ว
นักทำสารคดี
คนเราจะโชคดีสักกี่ครั้งในชีวิต จะใช้โชคครั้งนั้นอย่างไร จะมีผลต่อชีวิตในระยะต่อมาอย่างไร อาจจะดีหรืออาจจะไม่ดี ขึ้นอยู่กับทัศนคติที่สั่งสมมาในช่วงต้นๆ ของชีวิต
อย่างที่เล่าให้ฟัง แชมป์ใช้เวลาในวัยเด็กตามลำพังบ่อยๆ ส่วนใหญ่อ่านหนังสือ อาจบางทีสิ่งนี้ทำให้เขามีพื้นฐานที่ชอบเรียนรู้ คิดอย่างเป็นเหตุเป็นผล และเห็นตัวอย่างที่ดีและไม่ดีจากตัวละครในหนังสือ ใครหลายคนอาจใช้เงินในแบบอย่างที่ต่างออกไป สำหรับแชมป์, เขาบอกแม่หลังจากรับเงินก้อนนั้นว่า ผมอยากไปเรียนต่อ จากนั้นเขาลงมือทำในสิ่งที่ควรทำ หาข้อมูล จัดเตรียมเอกสาร สอบความสามารถทางภาษา และเตรียมพร้อมที่จะเดินทางอย่างจดจ่อ รอเพียงเวลา
ค่ำคืนหนึ่งที่ร้านลาบริมถนนราชดำเนิน เขาร้องออกมาอย่างตื่นเต้นดีใจกับตัวเอง โดยมีแม่ค้าร้านลาบเจ้าประจำเป็นพยานว่า
“กุได้ไปแล้วโว้ย” - แชมป์เล่าให้เห็นภาพเมื่อเอเจนท์โทรมาและบอกข่าวดีกับเขาว่าได้คำตอบรับจากลอนดอน
ที่มหาวิทยาลัยทางตอนใต้ของกรุงลอนดอน แชมป์เรียนวิชาผลิตภาพยนตร์สารคดีกับเพื่อนๆ ที่มาจากทั่วโลก ซึ่งการเรียนภาคปฏิบัติแบบนี้เข้าทางเขายิ่งนัก เขาเรียนรู้ทุกกระบวนการของการผลิตภาพยนตร์เป็นทีม และโชว์เดี่ยว โดยเฉพาะไวยากรณ์ด้านการตัดต่อ เขาพบว่ามันมีการเล่าเรื่องได้หลากหลายทั้งการเรียงลำดับการเล่าเรื่อง และจังหวะจะโคนจากฟุตเทจชุดเดียว เมื่อเรียนจบเขาใช้เวลาขณะที่วีซ่ายังเหลือรับงานผลิตวิดีโอสำหรับคู่แต่งงานไปด้วย การเรียน การเงิน การใช้ชีวิตเหมือนจะลงตัว ไม่ต้องพึ่งพาเงินจากทางบ้าน เงินที่เอามาด้วยไม่ได้ใช้ และมีแต่เพิ่มจำนวนขึ้น แต่เส้นทางชีวิตบอกให้แชมป์ต้องเดินทางกลับ เมื่อวีซ่าหมดลง
แชมป์แบกความภูมิใจกับความสามารถด้านการผลิตภาพยนตร์สารคดีกลับมากรุงเทพฯ ความตั้งใจแรกคืออยากทำงานสายภาพยนตร์สารคดีแต่จนแล้วจนรอดก็กลับมาลงหลักปักฐานกับการทำงานสื่อมวลชนที่ใช้ความสามารถรอบด้านมากขึ้น เขาลงตัวกับ Voice TV เป็นนักข่าวต่างประเทศ ปั้นเพจ Echo ที่ทำสารคดีเชิงข่าว โดยใช้ฟุตเทจบวกกับการสรุปข่าวแบบเล่าเรื่องและการตัดต่อเร้าใจ จากนั้นย้ายไป Voice TV โดยใช้ไวยากรณ์การเสนอสารคดีเชิงข่าวแบบเดียวกับ Echo เพื่อกลุ่มเป้าหมายที่เป็นคนหนุ่มสาว เมื่อดึงเรทติ้งขึ้นเขาก็ถูกขยับอีกครั้ง เพื่อสร้าง business model ใหม่ๆ โดยมีเป้าหมายคือต้องการให้ Voice TV หลุดพ้นจากกับดักสปอนเซอร์ เพื่อยืนได้ด้วยศักยภาพของตัวเอง โดยไม่ต้องพึ่งแหล่งทุนอื่นๆ และไม่ต้องสูญเสียจุดยืนของตัวเอง
จุดยืนของ Voice TV คืออะไร พูดทุกเรื่องไหม
แชมป์ : เราพยายามพูดทุกเรื่องนะ ไม่ใช่แค่ Voice ที่เดียวนะ สื่อออนไลน์เจ้าอื่นก็พูด ในช่วงหลังจะเห็นได้ว่าเพดานการนำเสนอก็ถูกยกสูงขึ้นในระยะหลังๆ จากที่กลุ่มภาคส่วนต่างๆ ช่วยกัน โดยพื้นฐานเราพูดในเรื่องใดๆ ก็ตามโดยคำนึงถึงผลประโยชน์ของประชาชนเป็นใหญ่
คุณคิดว่าคนเห็นต่างคุยกันได้ไหม
แชมป์ : ได้สิพี่ ผมคุยได้กับทุกคนนะ คุยได้ทุกเรื่อง
คนเห็นต่างคุยกันได้ สื่อฯ เห็นต่างคุยกันไหม
แชมป์ : อือ นั่นสิ ไม่เคยคุยกัน แต่ผมยินดีคุยนะ นี่เบอร์ผม 08xxx xxx โทรมาได้เลย คุยได้ตลอด (หัวเราะ)
.
วิดีโอสัมภาษณ์และความเรียงชุดนี้เป็นส่วนหนึ่งของโครงการ Thailand Talks 2022 “เห็นต่างคุยกันได้” โดยมูลนิธิฟรีดริช เนามัน
เผยแพร่ครั้งแรกบน Website The Active กรกฎาคม 2022 - กันยายน 2022
สัมภาษณ์ ความเรียง และวิดีโอ โดย ศุภชัย เกศการุณกุล
บรรณาธิการ อรุชิตา อุตมะโภคิน (บรรณาธิการข่าว ศูนย์สื่อสารวาระทางสังคมและนโยบายสาธารณะ Thai PBS)
ฤทธิกร มหาคชาภรณ์
ความเรียง : https://theactive.net/read/rittikornm-interview/
*วิดีโอเวอร์ชั่นนี้เป็นเวอร์ชั่นอย่างไม่เป็นทางการ สำหรับเวอร์ชั่นที่เผยแพร่ผ่าน The Active สามารถดูได้จาก Link ที่ระบุไว้ในหมายเหตุของวิดีโอ
Commentaires