top of page

Camera | Nikon FM2 - 1

งานเขียนเชิงบันทึกชิ้นนี้ ผมไม่ได้มีจุดประสงค์ในการรีวิวอุปกรณ์อะไร เพียงแต่จะบอกเล่าการทำงาน และเครื่องมือที่ใช้ เอาเข้าจริงมันเป็นเหมือนการทบทวนตัวเอง ผ่านความทรงจำในการทำงาน เมื่อเทคโนโลยี และรูปแบบชีวิตมันเปลี่ยนไป อาชีพที่เคยเลี้ยงชีพ และทำให้หัวจิตหัวใจอิ่มเอม ไม่สามารถทำหน้าที่อย่างที่เคยทำได้ แล้วเราจะเอาอย่างไรกับชีวิตเป็นคำถามที่ผมถามตัวเองบ่อยๆ


มันเป็นช่วงเวลาที่ยากลำบาก เพื่อนช่างภาพหลายคนต้องหาอาชีพเสริม และการเป็นช่างภาพอาจจะกลายเป็นงานอดิเรก ผมก็ไม่ต่างจากช่างภาพคนอื่นๆ ที่ต้องกลับไปทบทวนตัวเอง การเป็นช่างภาพถึงอย่างไรก็เลิกลาไม่ได้ เรายังต้องทำงานกันต่อไป แต่เราจะทำอย่างไรต่อไปกับชีวิต


ทั้งหมดนี้เป็นอดีตแต่อดีตก็เหมือนสายน้ำมันตัดเป็นตอนๆไม่ได้ เพราะมันเกี่ยวเนื่องมาถึงปัจจุบันและอนาคต


การถ่ายภาพมันทิ้งไปไม่ได้แน่ๆ เพราะมันจะอยู่กับเราไปตลอด


ความเป็นตัวเราก็ยิ่งเปลี่ยนไม่ได้เมื่ออายุเข้าไปสี่สิบกว่าปีแล้ว แต่เราก็ไม่สามารถดึงดันกับโลกที่เปลี่ยนไป


ผมหวังอยู่เสมอว่าจะ-มีชีวิตที่ดี- ซึ่งพยายามสร้าง หรือเข้าไปอยู่ในสิ่งแวดล้อมที่ทำให้มีชีวิตที่ดีเสมอ

ชีวิตที่ดี...


มีครอบครัวที่ดี มีกัลยาณมิตร ได้ทำงานที่รัก มีเงินใช้ ได้เดินทางไกล มีบ้านที่ทำให้จิตใจสงบ มันคงไม่ใช่อะไรที่มากมาย หรือหวังอะไรไปเกินตัวนัก


ความจริงเทคโนโลยีมันช่วยเหลือเราได้มากเมื่ออยู่ไกลจากศูนย์กลางธุรกิจ มันอณุญาตให้เรามีชีวิตไกลออกมาจากความวุ่นวาย และยังติดตามความเคลื่อนไหวของโลก


ทำได้แล้วหลายอย่าง แต่ยังมีบางอย่างที่ต้องหาทางกันต่อไป


.



Nikon FM2 + Lens 50mm f1.4

นักศึกษาปี 2 ช่วงนั้นราวๆปี 35-36 ผมเลือกเรียนภาพยนตร์ต้องเรียนภาพนิ่งเป็นวิชาบังคับ ก่อนหน้านี้ยืมกล้องเพื่อนเรียนรู้การทำงานของมัน เมื่อถึงเวลาก็ต้องมีเป็นของตัวเอง กล้องตัวแรกผมเบิกเงินจากธนาคารทั้งเนื้อทั้งตัวซื้อไม่พอ ป๊าต้องช่วยออกตังให้ เพื่อนพาผมไปซื้อที่พลับพลาชัย ร้านม่อนกล้องทอง Nikon FM2 ใหม่เอี่ยมอยู่ในกล่อง ใจเต้นตูมตาม พร้อมเลนส์มือสองที่โชว์อยู่ในตู้เป็นเลนส์ออโต้โฟกัส 35-135 mm. เจ้าของร้านแถมสายสะพายกล้อง กับกระเป๋ากล้องทรงเหลี่ยมๆสีเทาๆให้ใบหนึ่ง สายสะพายใช้ไปสักพักก็เปลี่ยนเพราะยางมันเริ่มหลุด และเหนียว กล้องทรงเหลี่ยมใช้ๆไปก็อยากหล่อกับเขามั่ง เก็บตังเพิ่มแล้วไปถอย Tenba สีดำน้ำตาลมาใบหนึ่ง (ตอนนี้เยินแต่ก็ยังใช้อยู่)

ผมใช้กล้องตัวนี้เป็นครู ถ่ายทุกอย่างที่ขวางหน้าทุกภาพล้วนเป็นการเรียนรู้ ถ่ายสิ่งของใกล้ตัว ถ่ายภาพเพื่อนๆระหว่างการเดินทางท่องเที่ยว เรียนรู้จากการดูนิตยสารท่องเที่ยวเดินทาง คุยแลกเปลี่ยนกับเพื่อน ไปค้นหนังสือในชมรมโฟโต้ ไปหมกอยู่ในห้องสมุดคณะวารสาร ถ่ายรูปแล้วเอามาให้เพื่อนๆช่วยดู ฝึกถ่ายไปเรื่อยๆ เมื่อรู้แล้วว่าชอบเลนส์อะไร ก็เก็บเงินซื้อเลนส์แมนนวล 50 / f.1.4 มาอีกตัว จากนั้นเป็น Tokina 20-35 mm. จากนั้น 35 / f.2 และ 85 / f.2 จนครบช่วงเลนส์สามระยะ

กล้องตัวนี้ผมสะพายไปล่องใต้สร้างพอร์ทโฟลิโอเพื่อสมัครงาน และยังใช้กระทั่งทำงานที่ GM Business, Open แล้วเอาไปไต่เขาหิมาลัยด้วยกัน มันทน อึด และไว้ใจได้ จากนั้นไปใช้ชีวิตด้วยกันที่ปารีส ช่วงแรกๆก็ยังใช้กล้องตัวนี้เดินบันทึกถ่ายภาพชุด Les Parisiens ตั้งแต่ซื้อมาจนบัดนี้เปลี่ยนม่านชัตเตอร์ไปหนึ่งชุดถ้วน และซ่อมก้านเลื่อนฟิล์มจากการที่เพื่อนฝืนเลื่อนฟิล์มจนพัง ระบบวัดแสงยังใช้ได้ดี เสียงดังเหมือนเดิม ถ่ายชั้นหนึ่งได้ยินถึงชั้นสอง กระนั้นมันยังเป็นกล้องที่ดีซึ่งทำหน้าที่บันทึกเวลาผ่านการเวลา และความทรงจำ ปัจจุบันตัวมันเองกลายเป็นความทรงจำ


18 views0 comments

Comments


bottom of page