top of page

พงศ์พิพัฒน์ บัญชานนท์

พงศ์พิพัฒน์ (หวี) เป็นนักข่าวสายการเมืองตั้งแต่เริ่มและทำงานในสนามสื่อมวลชนทั้งแนวกว้างและลึก เขาผ่านงานมาหมดตั้งแต่สำนักข่าว วิทยุ ทีวี หนังสือพิมพ์ และสำนักข่าวออนไลน์ บางแห่งสั้นนับเป็นเดือน บางแห่งยาวนานนับเป็นปี ปัจจุบันเขาเป็นบรรณาธิการอาวุโส สำนักข่าวออนไลน์ The MATTER แม้จะอยู่ในฐานะบรรณาธิการอาวุโสแต่เขาก็ยังคงลงสนามทำข่าว และสัมภาษณ์แหล่งข่าว อย่างสม่ำเสมอ ได้ทำงานกับคนหนุ่มสาวอยู่ตลอดเวลาทำให้เขาทันต่อการเปลี่ยนแปลงของยุคสมัยที่เป็นไปอย่างรวดเร็วและบางครั้งโหดร้าย เขายังคงกระตือรือร้นที่จะปรับเปลี่ยนท่าทีในการนำเสนอข่าวอยู่เสมอ ในขณะเดียวกันก็ยึดมั่นในแก่นแกนของความหลากหลาย และเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น ที่บางครั้งแม้จะไม่เห็นด้วยและมีแนวคิดที่ตรงข้าม เขาก็ปรารถนาให้คนเหล่านั้นได้พูด โดยมีข้อแม้ว่าต้องอยู่บนข้อมูลที่เป็นจริงและตรวจสอบได้



คนแม็กกาซีน

หวีสนใจงานนิตยสารตั้งแต่เขาเรียนอยู่มัธยม เขาสนุกกับการฝึกจัดวางหน้าและสนใจการเขียน เรากำลังพูดถึง 15 ปีก่อนที่มีนิตยสารหัวใหม่ๆ เกิดขึ้นบนแผงไม่เว้นแต่ละเดือน หลายฉบับเปิดมุมมองและทัศนะใหม่ๆ ให้กับคนหนุ่มสาว บางฉบับกลายเป็นต้นแบบเพาะเมล็ดมุมมองต่อชีวิตของเจนเนอเรชั่น หากมองย้อนกลับไป มันเป็นช่วงท้ายๆ ของวงจรชีวิตนิตยสาร ที่เติบโตเฮือกสุดท้ายเหมือนพลุชุดสุดท้ายของการฉลองวันปีใหม่ที่ถูกจุดให้พุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้า เล่าถึงความคึกคักกระตือรือล้นของบรรยากาศอันน่าตื่นตาตื่นใจของคนทำงานและคนอ่านที่พบปะกันบนแผงในยุคสมัยนั้นคงแทบจะไม่มีใครเชื่อ หวีเป็นคนหนึ่งที่มีความตั้งใจอยากจะเป็นส่วนหนึ่งของบรรยากาศอันน่าตื่นเต้นนี้ เขาสอบเข้าเรียนในสายวารสารศาสตร์ และเลือกสาขาหนังสือพิมพ์เพื่อมุ่งตรงไปสู่สิ่งนั้น ต่อเมื่อเขาจบออกมาแสงเจิดจ้าของพลุได้เปลี่ยนเป็นควันและจางหายไปแล้ว


นักข่าว

เมื่อความจริงของความเปลี่ยนแปลงเป็นเช่นนั้น เขาเปลี่ยนเส้นทางเดิมจากการทำงานแม็กกาซีนมาเป็นนักข่าว ในปีเดียวกับที่ประเทศไทยถูกรัฐประหาร ในปี 2549 หวีเริ่มงานเป็นนักข่าวโดยเริ่มจากการเป็นนักศึกษาฝึกงานที่สำนักข่าวรอยเตอร์ เพียงก้าวแรกที่ย่างเข้ามาบนถนนสายข่าว เขาก็เจอของแข็งเสียแล้ว การได้ทำงานในสนามของสำนักข่าวมาตรฐานที่มีคุณภาพสูง อาจจะเป็นข้อดีและข้อเสียของนักศึกษาจบใหม่ การวิ่งทำข่าวจากความคาดหวังสูงโดยยังไม่มีพื้นฐานการทำงานที่แข็งแรงพออาจทำให้อนาคตนักข่าวมือใหม่ถอดใจไปเลยก็ได้ แต่ในแง่ดีการที่เขาถูกทุบในโลกของการทำงานจริงเพื่อที่จะสร้างพื้นฐานที่ดีของการเป็นนักข่าวขึ้นมาใหม่อาจเป็นสิ่งที่ดีกว่า


ครั้งหนึ่งเขาถูกส่งไปทำข่าวเล็กๆ ข่าวหนึ่ง “คำขวัญวันเด็ก” ที่ไม่น่าจะมีความสำคัญอะไรมากไปกว่ารายงานข่าวธรรมดา ซึ่งก็คงไม่ต้องเร่งรีบอะไร แต่มันก็ได้สั่งสอนตักเตือนเขาถึงความเป็นมืออาชีพ เขาส่งงานช้าและไม่ครบประเด็นจนถูกอบรมจากหัวหน้าที่คาดหวังมาตรฐานที่สูง หวีเสียน้ำตาหยดแรกแลกกับประสบการณ์และดีเอ็นเอที่นักข่าวควรจะเป็น ความเร็ว เที่ยงตรง และมีความรับผิดชอบ นั่นเป็นบทเรียนทีเขาจดจำตั้งแต่นั้นมา


หลังฝึกงานกับสำนักข่าวรอยเตอร์ แล้วก้าวสู่โลกของสื่อ หวีเป็นคนหนึ่งซึ่งหากอ่านต่อไปจะพบว่าเขาอยู่บนกระแสของความเปลี่ยนแปลงเสมอ คล้ายกับว่าเขาเลือกและถูกเลือกให้โต้คลื่นลูกใหม่ๆ ที่ท้าทายอยู่เสมอ (คนอะไรจังหวะดีตลอด)


วิทยุ หนังสือพิมพ์ ทีวีดิจิตอล

ในระหว่างช่วงเวลาที่แม็กกาซีนกำลังล่มสลาย สถานีวิทยุใหม่ๆ ก็กำลังเกิดขึ้นหลายแห่ง หวีเป็นหนึ่งในคนที่เข้าไปอยู่ในกระแสของการเติบโตนั้น เขาเข้าทำงานกับสำนักข่าวทีนิวส์ ในช่วงที่สำนักข่าวแห่งนี้เพิ่งเริ่มต้น หวีเรียนรู้สิ่งใหม่และช่วยสร้างสถานีวิทยุแห่งนี้ขึ้นมาในวันที่จุดยืนทางการเมืองยังไม่เป็นเหมือนทุกวันนี้ จากสำนักข่าวมาตรฐานมาสู่สำนักข่าวเปิดใหม่การเรียนรู้เปลี่ยนไปมาก การมาอยู่สำนักข่าวขนาดเล็กที่เพิ่งเริ่มทำให้ได้เรียนรู้หลายอย่าง ทดลองผิดถูก เก็บเกี่ยวประสบการณ์ และค้นหาสิ่งที่ชอบซึ่งสิ่งนั้นไม่เคยเปลี่ยน - ข่าวสายการเมือง

.

หนึ่งปีต่อมาเขาย้ายเข้าไปทำงานที่โต๊ะข่าวการเมืองกับมติชน นอกจากการเรียนรู้สิ่งใหม่ หวีหยิบยืมทักษะข้อดีจากการทำงานวิทยุมาใช้กับงานหนังสือพิมพ์ อย่างเช่นการรายงานกระชับตรงประเด็น ไม่ยืนเย้อ และการใช้จุดเด่นของหนังสือพิมพ์อุดข้อด้อยของงานวิทยุ


การทำงานยาวนานกับหนังสือพิมพ์ทรงอิทธิพลฉบับหนึ่งในประเทศ มติชนเป็นเบ้าหลอมสำคัญที่ทำให้เขาเรียนรู้ความเป็นนักข่าวเชิงสืบสวน ตรวจสอบการทำงานของรัฐบาลและของผู้มีอำนาจ ซึ่งทำงานข่าวที่เข้มข้นนั้นมีฐานจากการค้นข้อมูลและสัมภาษณ์ ทำให้เขามีโอกาสได้พบเจอแหล่งข่าวหลากหลาย ได้รับรู้ข้อมูลหลายระดับจากหลายมุมมอง ข้อมูลเชิงลึกและเอ็คคลูซีฟจากหลายแหล่งข่าวเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้เขาได้รู้จักกับความหลากหลายทางความคิดที่ตั้งอยู่บนข้อมูลที่ต่างกัน ไม่มีความคิดความเห็นใดถูกเสมอไป มันขึ้นอยู่กับการมองเหตุการณ์หนึ่งๆ จากมุมไหนโดยเฉพาะอย่างยิ่งในแวดวงการเมืองที่ทุกย่างก้าวคือการต่อรองและผลประโยชน์


บทเรียนสำคัญขณะทำงานที่มติชนคือบทบาทของนักข่าวและการวางตัวเป็นผู้สังเกตการณ์ โดยไม่เอาตัวเข้าไปเป็นตัวละคอนหนึ่งในเหตุการณ์ อย่างที่บอกการเมืองเป็นเรื่องของผลประโยชน์และการต่อรอง การเปลี่ยนขั้วและแกนของอำนาจเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นเสมอ การเอาตัวเข้าไปอยู่กลางผลประโยชน์จะทำให้วิจารณญาณของการทำงานไขว้เขว แน่นอนว่าการเข้าไปมีส่วนร่วมกับเหตุการณ์ใดในช่วงเวลายาวนานย่อมทำให้เกิดความผูกพันธ์มีอารมณ์ร่วม ซึ่งเป็นสิ่งที่ต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ ช่วงทีหวีทำงาอยู่มติชนเป็นหัวเลี้ยวหัวต่อสำคัญของวิกฤตการเมืองไทย เขาเข้าไปทำข่าวและอยู่ร่วมกับการชุมนุมของคนเสื้อแดงในปี 51-53 นั่นก็เป็นประสบการณ์และบทเรียนครั้งสำคัญ


เริ่มต้นปี 51 จากการเข้าไปเป็นประจักษ์พยานใน ม็อบเสื้อเหลือง, ไล่รัฐบาลสมัคร สุนทรเวช, ไล่รัฐบาลสมชาย วงศ์สวัสดิ์, กปปส.ยึดสนามบินฯ, ศาลรัฐธรรมนูญยุบพรรคร่วมรัฐบาล


วิกฤตการเมืองต่อเนื่องไปจนปี 52 มี ม็อบเสื้อแดง, การสลายการชุมนุม, เห็นรถแท๊กซี่ของ “ลุงนวมทอง” วิ่งชนรถหุ้มเกราะบนถนนราชดำเนิน

ปี 53 ชายชุดดำ, การสลายการชุมนุมด้วยกระสุนจริง, คดี 6 ศพวัดประทุมฯ

ที่มติชนนอกจากศาสตร์ของการทำงานนักข่าว หวีเรียนรู้การทำงานเป็นทีม เขาเรียนรู้ว่าคนเราไม่จำเป็นต้องเก่งทุกอย่างแต่เราควรเก่งสักอย่าง ทำงานเป็นทีมคือการทำหน้าที่ในส่วนของตัวเองให้ดีที่สุดเพื่อที่จะเป็นองค์ประกอบของภาพใหญ่ที่สมบูรณ์ ที่กลมขึ้น รอบด้านมากขึ้น

หลังจากเรียนรู้ข่าวเชิงสืบสวนเส้นทางของการเป็นนักข่าวชักจูงให้เขาทำงานลงลึกไปอีกเมื่อเขาขยับไปทำงานกับสำนักข่าวอิศรา และไทย พับลิคก้า ซึ่งเป็นสำนักข่าวเฉพาะทางที่เน้นข่าวเชิงขุดคุ้ยการทุจริตคอรัปชั่น (investigative journalist) และสำนักข่าวที่ทำงานเชิงข้อมูล (data journalist) ที่ต้องใช้เวลาหาข้อมูล สัมภาษณ์แหล่งข่าวอย่างรอบด้าน อธิบายเบื้องลึกเบื้องหลังของข่าว เปิดโอกาสและให้เวลาแหล่งข่าวชี้แจงข้อมูล บางทีบางครั้งถูกถึงให้ยืดเยื้อจากแหล่งข่าว โดยเฉพาะจากหน่วยงานราชการ บางคดีความรอข้อมูลถึง 2 ปีครึ่ง อย่างไรก็ตามข่าวเชิงขุดคุ้ยแบบนี้ทำงานครั้งเดียวใช้เวลานานก็จริง แต่ก็มีผลงานออกมาให้ใช้จนถึงปัจจุบัน หากจะเอ่ยถึงงานบางชิ้น GT-200 อุปกรณ์ตรวจระเบิดซึ่งใช้ไม่ได้จริง อุทยานราชภักดิ์ นาฬิกายืมเพื่อน ซึ่งนาฬิกาหลายสิบเรือนนี้ใช้เวลาขุดคุ้ย รวบรวมข้อมูลอยู่ 4 ปี และจนถึงปัจจุบัน ปปช.ยังไม่มีการเปิดเผยข้อมูลออกมา เมื่อปริศนายังไม่คลี่คลาย เขาจึงไม่ลดละที่จะตามประเด็นนี้ต่อไป

แม้หวีจะบอกว่าไม่ชอบดูหนังสืบสวนสอบสวน แต่การทำงานของเขานั้นไม่ต่างกัน มันคือการหาจิ๊กซอว์ทีละชิ้น และประกอบกันเข้ากับเครือข่ายนักข่าวที่ทำงานร่วมกันเพื่อที่จะเห็นภาพที่ใหญ่ขึ้น


The MATTER ความกวนตีนที่เชื่อถือได้

ในโลกออนไลน์คงไม่มีใครนำเสนอความรู้ทางสังคม วัฒนธรรม และการเมืองได้เสียดสี แซะ และกวนตีนเสมอเหมือน the MATTER แม็กกาซีนออนไลน์ที่ดึงดูดคนอ่านด้วยน้ำเสียงของยุคสมัย (หากจะอณุญาตตัวเองให้ใช้คำนี้) มุมมองแตกต่าง ทัศนะทีเล่นทีจริง โดยไม่มีสำนักสื่อฯ มาตรฐานไหนๆ กล้าทำมาก่อน ตามขนบแล้วความน่าเชื่อถือควรจะถูกนำเสนอผ่านความสุขุมคัมภีรภาพ ด้วยข้อมูลที่เพียบพร้อม ท่าทีเอาจริงเอาจังมาโดยตลอด บนฐานคิดที่ว่าน้ำเสียงและความน่าเชื่อถือของข้อมูลคือสิ่งเดียวกัน คุณจะเชื่อคำพูดของคนใส่สูทผูกไทหรือคนใส่เสื้อฮาวายกางเกงยีนส์


หวีถูกชักชวนเข้ามาทำหน้าที่บรรณาธิการข่าวการเมืองหลังจากที่ the MATTER มีนโยบายขยายการทำงานจากการใช้ข่าวของสำนักข่าวอื่นๆ มาเป็นผลิตคอนเทนต์ของตัวเอง โจทย์สำคัญคือทำอย่างไรให้ความกวนตีนเชื่อถือได้ ด้วยความชำนาญที่ทำข่าวการเมืองมาตลอด หวีเริ่มทำข่าวเอ็คคลูซีฟ และเนื้อหาที่เขาคิดว่าคนอ่านน่าจะสนใจ ทั้งเป็นสกู๊ปและเป็นชุดซีรีย์ โดยเล่าในมุมมองและน้ำเสียงที่ประทับตรา The MATTER ลงบนนั้น จากเมื่อเริ่มแรกข่าวการเมืองมักมียอดไลค์ต่ำกว่าข่าวอื่นๆ เมื่อเวลาผ่านไปข่าวการเมืองที่มีน้ำเสียงของยุคสมัย เสียดสี แซะ กวนตีน บวกกับมุมมองหยอกล้อทีเล่นทีจริง เริ่มได้รับความสนใจอย่างกว้างขวาง 5ปีจากวันแรก ซึ่งสิ่งที่หวีสร้างสรรค์นั้นต้องยอมรับว่ามาพร้อมกับกระแสความสนใจข่าวการเมืองของคนรุ่นใหม่พอดี เห็นไหมว่าอะไรๆ ที่คนๆ นี้หยิบจับล้วนวางอยู่บนคลื่นที่กำลังเป็นความสนใจของสังคมพอดิบพอดี ถึงนาทีนี้หวีบอกว่าข่าวการเมืองแบบ the MATTER อยู่มือแล้ว


หวียืนยันว่า น้ำเสียงกับเนื้อหาของข่าวในยุคสมัยนี้ไม่ได้เป็นสิ่งเดียวกัน คนอ่านแยกแยะได้ว่าอะไรคือน้ำเสียง อะไรคือเนื้อหาข้อมูล อะไรคือความสนุก และอะไรคือความน่าเชื่อถือ ข่าวการเมืองหากเลือกมุมมอง หาจังหวะ ก็สามารถทำให้เป็นที่ยอมรับนับถือในความกวนตีนและเชื่อถือได้ แม้กระทั่งบางข่าวที่ใส่ข้อมูลลงไปเต็มๆ คนอ่านยังรู้สึกว่าข่าวชิ้นนี้กวนตีนอยู่เหมือนกัน


วิธีการรักษาดีเอ็นเอของ the MATTER คือการทำงานร่วมกับคนรุ่นใหม่ เปิดโอกาสให้เขาได้แสดงความสามารถออกมาผ่านการดูแลของรุ่นพี่ที่มีประสบการณ์ หวีดูแลและส่งเสริมให้ทีมให้ทำงานอย่างที่พวกเขาเป็น พูดในสิ่งที่เจนเนอเรชั่นของพวกเขาให้ความสำคัญ ในภาษาของพวกเขา ทำให้ the MATTER ทันยุคสมัยและอยู่ในกระแสเสมอ ในฐานะบรรณาธิการ หวีทำหน้าที่ระวังหลัง อุดช่องโหว่ และให้ความมั่นใจลูกทีมจากประสบการณ์ที่มากกว่า และจากความเก๋าเกม บ่อยครั้งเขาลงสนามทำข่าวและสัมภาษณ์แหล่งข่าวเองจากคอนเนคชั่นในมือเพื่ออุดช่องโหว่ และเพิ่มเติมข้อมูลเชิงลึก the MATTER จึงมีความลงตัวเหมือนคอกเทลที่กลมกล่อม หวีผสมความทันสมัย สายตาของยุคสมัย และความกล้าของวัยหนุ่มสาว ให้เข้ากับประสบการณ์ของคนที่มาก่อนแล้วเขย่าให้ลงตัว แม้ว่าเขาจะแอบบอกว่าหลายหนในการประชุมทีมบรรณาธิการ เรื่องที่เขาเสมอมักจะถูกปัดอยู่บ่อยๆ จนต้องร้องขอน้องๆว่าอย่าใจร้ายกับพี่มากนัก


ในถนนของคนทำข่าวการเมืองที่อยู่มาทุกแพล็ตฟอร์ม อยู่บนคลื่นของการพัฒนาทางเทคโนโลยีมาตลอด 15 ปี หวีคือนักข่าวที่ให้ความสำคัญกับข้อมูล เขายืนยันเสมอว่ายินดีและให้โอกาสถกเถียงกันได้เสมอผ่านข้อมูลที่มีอยู่ในมือ เปิดกว้างกับความหลากหลาย ไม่ยึดติดกับความถูกต้องแต่เพียงผู้เดียว เขาบอกเสมอว่าการนำเสนอข่าวที่ดีควรเปิดพื้นที่ให้ฝ่ายตรงข้ามชี้แจงเสมอแม้เราจะไม่เห็นด้วยก็ตาม แม้แต่คนที่มีความคิดต่างกันก็ทำงานร่วมกันได้ หากเราเคารพซึ่งกันและกัน


เท่าที่ได้คุยกัน เขาเชื่อในความหลากหลาย รับฟังความคิดเห็นที่หลากหลาย และสนับสนุนความหลากหลายให้คงอยู่แม้จะไม่เห็นด้วย

กล่าวโดยรวบรัด หวี พงศ์พิพัฒน์ บัญชานนท์ คือ “ริเบอร่าน”


.

วิดีโอสัมภาษณ์และความเรียงชุดนี้เป็นส่วนหนึ่งของโครงการ Thailand Talks 2022 “เห็นต่างคุยกันได้” โดยมูลนิธิฟรีดริช เนามัน

เผยแพร่ครั้งแรกบน Website The Active กรกฎาคม 2022 - กันยายน 2022

สัมภาษณ์ ความเรียง และวิดีโอ โดย ศุภชัย เกศการุณกุล

บรรณาธิการ อรุชิตา อุตมะโภคิน (บรรณาธิการข่าว ศูนย์สื่อสารวาระทางสังคมและนโยบายสาธารณะ Thai PBS)

พงศ์พิพัฒน์ บัญชานนท์


*วิดีโอเวอร์ชั่นนี้เป็นเวอร์ชั่นอย่างไม่เป็นทางการ สำหรับเวอร์ชั่นที่เผยแพร่ผ่าน The Active สามารถดูได้จาก Link ที่ระบุไว้ในหมายเหตุของวิดีโอ

202 views0 comments
bottom of page